Galsfin ยาหม่องสมุนไพรที่ขายความยูนีค : หยิบยาหม่องมาปรับลุคใหม่ บุกตลาดออนไลน์จนแจ้งเกิดไกลในต่างแดน

Galsfin ยาหม่องสมุนไพรที่ขายความยูนีค

         จากจุดเริ่มต้นที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ประกอบกับได้แรงบันดาลใจจากคุณแม่ที่เป็นพยาบาล ทำให้คุณวรงค์ชนก เทียมทินกฤต ตัดสินใจสร้างแบรนด์ยาหม่องสมุนไพรที่ชื่อ Galsfin ขึ้นมา และจากประสบการณ์ในสายงานมาร์เก็ตติ้งทำให้เธอเลือกจะขายยาหม่องในช่องทางออนไลน์แทนการขายหน้าร้าน ทั้งยังเดินสายตั้งแผงตามตลาดนัดเพื่อหวังให้คนได้ทดลองใช้และรู้จักสินค้าของเธอมากขึ้น ซึ่งด้วยความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและสรรพคุณของตัวสินค้าเองก็ทำให้ยาหม่องของเธอได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ นอกจากธุรกิจนี้จะสร้างรายได้ให้กับตัวเองแล้วยังช่วยสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับชุมชนเล็กๆ ในต่างจังหวัดอีกด้วย

        “ตอนนั้นเราเป็นผู้จัดการฝ่ายอีมาร์เก็ตติ้งที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ ทำได้สักสี่ห้าปีก็รู้สึกว่างานประจำมันอยู่ตัวแล้ว อยากทำอะไรใหม่ๆ ที่เป็นของตัวเราเองบ้าง ก็เลยคิดถึงคุณแม่ ท่านเป็นพยาบาลและก็ชอบพวกแพทย์แผนไทย เวลามีงานแพทย์แผนไทยท่านก็จะพาเราไป เราก็จะติดภาพจากตรงนั้น ทีนี้พอท่านเสียไป หลายๆ อย่างที่ท่านอยากทำก็ไม่ได้ทำ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องยาหม่อง เราก็เลยตัดสินใจทำยาหม่องนี่แหละ ก็ไปปรึกษากับทีมแพทย์แผนไทย พี่เขาก็มาช่วยดูเรื่องสูตรให้ ก็ปรับกันทดลองกันหลายสูตรมาก ต้องทดลองตั้งแต่เรื่องกลิ่น เรื่องสัดส่วนสมุนไพรต้องดูว่าปรับยังไงถึงจะพอดี ต้องขอ อย. อีก รวมๆ ใช้เวลาประมาณปีครึ่งกว่าจะเสร็จเรียบร้อยและเริ่มขายค่ะ”

 

ลงขายถูกที่สินค้าขายดีแน่นอน

       “ตอนนั้นขายในเฟซบุ๊กค่ะ เราทำงานสายออนไลน์อยู่แล้วด้วย ก็รู้สึกว่ามันท้าทายดีกับการเอายาหม่องมาขายออนไลน์ คือยุคนั้นแทบจะไม่มีใครขายแบบนี้ เราก็เลยลองดูว่าเวิร์คไหม ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ค่อนข้างดีมากๆ มีคนที่ซื้อแล้วก็มาซื้อซ้ำแล้วยังช่วยรีวิวด้วย แล้วเราก็มีลงขายในเว็บอีคอมเมิร์ซเทพช็อป (LnwShop) ทีนี้พอมันเริ่มขายดีมากขึ้น คนเริ่มรู้จัก เราก็ถูกเชิญไปเป็นวิทยากรพูดเรื่องเกี่ยวกับการค้าขายออนไลน์ อย่างเทพช็อปเขาก็เชิญเราไปงานประจำปีของเขา ไปพูดเล่าว่าทำยังไงธุรกิจถึงโตขึ้นมาได้ อย่างของสมาคมเว็บไซต์ไทยก็มาเชิญให้เราไปเป็นวิทยากรเล่าเกี่ยวกับเรื่องอีคอมเมิร์ซ หรือกระทรวงพาณิชย์ก็เชิญไปพูดเล่าประสบการณ์ด้วย มันเลยทำให้แบรนด์เริ่มดูน่าเชื่อถือมากขึ้นและมีคนติดตามเยอะขึ้นด้วยค่ะ”

 

Galsfin ยาหม่องสมุนไพร

 

ตั้งทาร์เก็ตลูกค้าชัดเจนเน้นรักษาแบบเฉพาะเจาะจง

       “เราวางทาร์เก็ตเซกเมนต์เป็นคนละจุดกับเจ้าใหญ่ที่มีในตลาดค่ะ เจ้าใหญ่คือหนึ่งราคาเขาถูกกว่าเพราะเขาผลิตวอลลุ่มได้เยอะกว่าเรา สองคือทาร์เก็ตเขาคือคนที่ใช้ยาหม่องทั่วไป แบบแต้มนิดหน่อยอะไรอย่างนี้ ไม่ได้ใช้เพื่อรักษาเฉพาะเจาะจง แต่ของ Galsfin เราเน้นเรื่องสรรพคุณ สมุนไพรเราเข้มข้น ของเราจะใส่ขี้ผึ้งน้อยเพื่อเราจะให้พื้นที่กับสมุนไพรให้มันเยอะขึ้น ราคามันถึงสูงกว่ายาหม่องตามท้องตลาด แล้วของเราก็เป็นสูตรเย็นด้วย แต่ในตลาดส่วนใหญ่จะเป็นสูตรร้อน คือเราวางทาร์เก็ตเซกเมนต์กันคนละแบบ ไม่ทับไลน์กันอยู่แล้วด้วยค่ะ เพียงแต่ว่าข้อด้อยของเราก็คือด้วยความที่ต้นทุนมันมาสูง เราเลยไม่ได้เข้าไปสู้ในตลาดแบบที่ลงตามหน้าร้านสักเท่าไหร่ เพราะว่าเราไม่สามารถลดราคาลงมาได้ค่ะ”

 

ยังไม่คิดสร้างโรงงานใหญ่เพราะอยากสร้างอาชีพให้ชุมชน

      “สถานที่ผลิตยาหม่องของเราเป็นชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดชัยนาทค่ะ ที่เราเลือกที่นี่เพราะว่าคุยกันแล้วเข้าใจ และเราก็เลือกทำที่นี่มาตั้งแต่ต้น ทุกวันนี้เขาก็เป็นเหมือนครอบครัวเราครอบครัวหนึ่งไปแล้ว เราไม่ได้มองเขาเป็นแค่ผู้ร่วมธุรกิจ ถึงเขาจะมีหน้าที่ผลิตแต่เขาไม่ใช่สักแต่ว่าทำ แต่เขาแนะนำหลายสิ่งหลายอย่างให้เราด้วย อย่างชุมชนนี้บางปีจะมีน้ำท่วม ก่อนที่เขาจะโดนน้ำท่วมเขาก็จะมาบอกเราว่าจะผลิตเผื่อไว้ให้ก่อนที่น้ำจะท่วม คือเขาคิดเผื่อเราทุกอย่าง ทำให้เราค่อนข้างสบายใจ อีกอย่างเราก็มองว่ามันเป็นรายได้ของเขาด้วย ยิ่งเราขายได้เยอะ เขาก็ได้ผลิตเยอะ มันก็เป็นรายได้ที่ไปหมุนเวียนอยู่ในครอบครัวในชุมชนนั้น เหมือนเราได้สร้างอาชีพให้ชุมชนด้วยค่ะ”

 

Galsfin ยาหม่องสมุนไพร

 

ขยันออกตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ให้คนรู้จัก

       “เราวางทาร์เก็ตไว้ที่พนักงานออฟฟิศเป็นหลัก เพราะว่าเราเองก็เป็นชาวออฟฟิศ มีปวดไหล่ มีออฟฟิศซินโดรม เราก็เอาประสบการณ์จากตัวเรานี่แหละมาตั้งต้น เราก็เลยไปลงตลาดนัดตามออฟฟิศ ไปตั้งโต๊ะขาย แนะนำสินค้า แจกนามบัตร แจกโบรชัวร์ ซึ่งตรงนี้มันทำให้เราได้เจอลูกค้าจริง เจอคำถามจริงจากลูกค้า ได้เห็นรีแอ็คเวลาเขาลองใช้ยาหม่องเรา พวกนี้เป็นข้อมูลที่ดีที่สุดในการเอามาพัฒนาสินค้าพัฒนาร้าน แล้วเราเองก็สนุกมากกับการไปลงตลาดนัดแต่ละที่ มันจะมีช่วงที่ลูกค้ามารุมแล้วก็ถามๆๆ แย่งกันถาม ซึ่งแฮปปี้มากค่ะ”

 

ขายไม่ได้อย่าเพิ่งท้อแต่ต้องรู้จักวิเคราะห์หาสาเหตุ

       “เราเคยไปตั้งแผงแต่ขายได้ออเดอร์เดียวก็มีค่ะ ซึ่งพอกลับมาเราก็ไม่ได้มานั่งท้อ แต่เราจะมาวิเคราะห์ว่ามันขายไม่ดีเพราะอะไร หนึ่งคือเราไปวันที่มันไม่มีคนเดินหรือเปล่า สองคือจุดตั้งแผงมันอยู่ในจุดที่ไม่มีคนผ่านหรือเปล่า ถ้าคราวหน้าเจอสถานการณ์นี้อีกทำยังไง เดินแจกโบรชัวร์ไหม ขายไม่ได้ไม่เป็นไรแจกให้คนได้เห็นผลิตภัณฑ์เรามากที่สุด ก็ค่อยๆ เติบโตไป คือเราไม่ได้แค่ไปยืนขายเฉยๆ แต่มันต้องรู้จักต่อยอดค่ะ”

 

Galsfin ยาหม่องสมุนไพร

 

ลุยเปิดตลาดแดนไกลจนกลายเป็นขวัญใจร้านสปา

       “เราเปิดร้านขายบนเว็บไซต์ Amazon ด้วยค่ะ เปิดร้านแล้วก็ส่งสินค้าไปที่แวร์เฮาส์ที่อเมริกา ซึ่งมีลูกค้าที่เป็นสปาไทยที่อยู่ต่างประเทศเขาลองซื้อไปใช้แล้วเขาติดใจ หลังจากนั้นเขาก็ดิวตรงกับเราเพื่อจะซื้อเป็นแบบกระปุกใหญ่ๆ เพื่อจะเอาไปใช้ในสปาของเขา เราก็เลยมีส่งออกทั้งแพ็คเกจปกติและแพ็คเกจเฉพาะสปา แล้วพอร้านสปาเอาไปใช้ลูกค้าสปาก็เกิดติดใจก็เลยขอซื้อเป็นกระปุกเล็กๆ กลับบ้าน มันก็เลยขยายฐานไปเรื่อยๆ เราก็เริ่มมีลูกค้าที่อเมริกาและก็ที่เยอรมันที่สั่งอยู่เรื่อยๆ ปีละสองสามล็อตใหญ่ แล้วก็จะมีที่ออสเตรเลียด้วย แต่ที่นี่จะเป็นล็อตเล็กๆ แบบเอาไปลองขาย ซึ่งเอาไปแป๊บเดียวก็ขายหมดค่ะ”

 

ตัดสินใจลาออกจากงานมุ่งมั่นปั้นแบรนด์ให้มั่นคง

         “ขายยาหม่องได้ประมาณปีหนึ่งเราก็ลาออกจากงานประจำค่ะ คือจากที่ลงทุนไปมันคืนทุนตั้งแต่ 3 เดือนแรกเลย หลังจากนั้นรายได้มันวนกลับมาคัฟเวอร์ตัวเองได้หมด เราคิดว่าการทำธุรกิจเงินมันควรต้องกลับมาเลี้ยงตัวธุรกิจเองโดยที่เราไม่ต้องเอาเงินส่วนอื่นไปโปะ ซึ่งอันนี้เราถือว่าประสบความสำเร็จในเป้าแรกแล้ว เป้าต่อมาก็คือการค่อยๆ เพิ่มยอดขายขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งยอดขายมันก็ดับเบิ้ลขึ้นมาแล้ว เราก็มองว่าโอเค มันอยู่ได้ จนสักปีหนึ่งมันเริ่มเทิร์นกลับมาเลี้ยงตัวเราเองได้ คัฟเวอร์ค่าใช้จ่ายหลายสิ่งได้ เราก็เลยตัดสินใจลาออกมาทำเต็มตัว แต่ว่าด้วยลักษณะนิสัยเราก็ไม่ใช่คนทำงานอย่างเดียว เราก็ยังมีรับจ๊อบเล็กๆ น้อยๆ ไปด้วยแก้เบื่อ ก็เลยอยู่ได้ค่ะ”

 

Galsfin ยาหม่องสมุนไพร

 

ขายดีจนถูกก๊อปปี้สินค้า

       “พอทำไปได้สักปีสองปีก็เริ่มเจอเคสที่พยายามก๊อปสูตร พยายามเอายาหม่องเราไปแกะสูตร แต่ว่าก็แกะไม่ได้ คือถึงแม้ว่าจะใช้สมุนไพรตัวเดียวกันทั้งหมดแต่ทำออกมาก็ไม่เหมือนเราอยู่ดี เพราะเคล็ดลับของเราอยู่ที่วิธีสกัดสมุนไพร เราจะมีวิธีเฉพาะของเราที่ทำออกมาให้ได้กลิ่นและประสิทธิภาพแบบเฉพาะของ Galsfin เลย อีกเคสที่เจอคือเลียนแบบบรรจุภัณฑ์ ตัวที่โดนคือตัวตลับเล็ก คือมีวางขายแล้วใช้คำว่ายาหม่องแมวแบบให้คนเข้าใจผิด แต่ที่หนักสุดคือมีคนโทรไปหาทีมผลิตของเรา ขอให้ผลิตสูตรของ Galsfin ให้เขา แต่โชคดีที่เราเจอคนดี ทีมฝั่งผลิตปฏิเสธไปและบอกให้มาคุยกับเราเอง ซึ่งเขาก็ไม่ได้กล้าติดต่อมา แต่ทั้งหมดที่เจอเราก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรนะคะ เพราะเรารู้สึกว่าทำยังไงก็คงไม่เหมือนกัน เพราะของเราเป็นสูตรเฉพาะจริงๆ อีกอย่างเราก็ไม่อยากไปเสียเวลากับการต้องไปทะเลาะไปอะไรด้วย ซึ่งสุดท้ายแล้วหลายคนที่พยายามก๊อปแต่ก๊อปไม่ได้ก็มาขอเป็นตัวแทนขายของเรา เราก็ไม่ว่าอะไร ก็ให้เป็นตัวแทนไปค่ะ”

 

3 สูตร 3 สี ใส่สรรพคุณดีๆ เต็มกระปุก

        “ยาหม่องเราจะมีทั้งหมด 3 สูตรค่ะ เริ่มจากสูตรสีเหลือง อันนี้จะเป็นไพลค่ะ แก้ปวดเมื่อย แก้เส้นยึดเส้นตึง สูตรนี้จะขายดีสำหรับร้านนวดไทย ลูกค้าที่ชอบนวดก็จะใช้ตัวนี้ เพราะว่ามันเป็นสูตรเย็น มันจะไม่แสบร้อนผิว และกลิ่นจะเป็นกลิ่นไพลอ่อนๆ ไม่ได้แสบจมูก และจะออกฤทธิ์ยาวประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากนวดไปสัก 10 นาทีมันจะเริ่มรู้สึกคลายเส้น รู้สึกดีขึ้นค่ะ ต่อมาเป็นสูตรสีขาวจะเป็นสมุนไพรจีน ก็จะใช้นวดขมับกับต้นคอสำหรับอาการปวดหัว แล้วก็ภูมิแพ้ทางเดินหายใจก็จะใช้ทาตรงกลางอก ตัวนี้ตอนช่วงโควิดลูกค้าจะชอบเอาไปใช้แต้มข้างนอกหน้ากาก มันจะทำให้หายใจสะดวกขึ้น อีกสูตรคือสีเขียวจะเป็นเสลดพังพอน ใช้ทาสำหรับพวกตุ่มแมลงกัดต่อยหรือว่าผื่นแพ้บนผิวหนัง อันนี้จะเป็นขวัญใจของพวกแม่ๆ ที่แบบแต้มให้ลูก สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปถึงจะใช้ได้ สุดท้ายคือยาหม่องน้ำ อันนี้จะเป็นสูตรเดียวกับสีขาวค่ะ คือเป็นสูตรบรรเทาปวดหัว เพราะว่าลูกค้าหลายคนบอกว่าไม่อยากให้มือเปื้อนเราก็เลยทำแบบสูตรน้ำขึ้นมาค่ะ”

 

Galsfin ยาหม่องสมุนไพร

 

ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ต้องไม่ละเลยการวางแผน

         “ถ้าอยากเริ่มทำธุรกิจคือเงินทุนควรจะเป็นเงินเย็นค่ะ หมายถึงว่าเป็นเงินที่ไม่ได้ไปกู้มา เพราะสมมุติถ้าทำไปแล้วมันไม่เวิร์คอย่างน้อยคุณยังมีที่ให้ถอย ต่อให้เจ๊งอย่างน้อยก็ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินคืนใคร คืออย่ามองโลกสวยจนเกินไปว่าฉันเปิดร้านเดี๋ยวก็ได้เงิน คนที่ทำแล้วได้คืนทุนเร็วมันมีเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะทำธุรกิจสักอย่างหนึ่งให้เริ่มศึกษาเรื่องทำ Business Model ก่อน แล้วก็คำนวณกำไรต้นทุนให้ชัดเจนให้เป๊ะก่อนว่ากำลังผลิตเท่านี้ เงินทุนควรจะเป็นเท่านี้ ต้องใช้เงินทุนอีกเท่าไหร่เลี้ยงไปเพื่อให้มันอยู่ตัว เพราะบางคนลุยไปโดยที่ไม่มีแผนการอะไรเลย ไม่มี worst-case เลยว่าในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดคุณจะต้องแก้ไขมันยังไง ถ้าคุณไม่มีตรงนั้นมันจะทำให้ธุรกิจคุณไปได้ยาก คือมีความฝันได้ เริ่มทำได้ แต่ว่าต้องรอบคอบเรื่องเงินทุน แผนธุรกิจต้องมี ยิ่งสมัยนี้ง่าย Google ดูก็ได้ มันมีตัวอย่างแผนธุรกิจให้ศึกษาเยอะมาก ตรงนี้มันจะช่วยเราในการเริ่มต้นธุรกิจค่ะ”

 

 

Writer

Au Thitima

Content Creator ผู้รักในการอ่าน ชอบในการเขียน และคลั่งไคล้สัตว์สี่ขาที่เรียกว่าแมว