จับเทรนด์ธุรกิจ-ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก : บรรดากูรูในโลก มองทิศทางหรือแนวโน้มของปี 2561 อย่างไรบ้าง

จับเทรนด์ธุรกิจ-ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก

จับเทรนด์ธุรกิจ-ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก 2561

สวัสดีเดือนพฤษภาคม เผลอแปปๆนี่ก็เข้าเดือนที่5ของปี2561แล้วนะคะ สัปดาห์นี้ธนาคารความรู้จะพามาดูกันว่าบรรดากูรูในโลก มองทิศทางหรือแนวโน้มของปี 2561 อย่างไรบ้าง เพื่อให้พวหเราได้เตรียมตัวรับมือกับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกขอปีนี้กัน

มีการมองว่า Sharing Economy จะเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง โดยความเป็นดิจิทัล และ Sharing Economy จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรือ Disrupt อุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น หลังจากภาคค้าปลีกเจอกระแสการเปลี่ยนแปลงเข้าไปเต็มเปา เมื่อมีการก่อกำเนิดของอเมซอน รวมถึงภาคยานยนต์ที่มีอูเบอร์ แต่ 2 ปีที่ผ่านมาไม่ได้มีอุตสาหกรรมใดเผชิญการ Disrupt ครั้งใหญ่ ดังนั้น จึงคาดว่าภาคการเงินกับการดูแลสุขภาพ กำลังจ่อคิวที่จะถูก Disrupt เป็นรายต่อไป

      ในแง่วงการมาร์เกตติงและโฆษณานั้น เน้นเรื่องใกล้ตัวผู้บริโภคมาระยะหนึ่งแล้วและเทรนด์ก็จะดำเนินไปแนวนี้แทนวิธีการเดิมๆ ที่ใช้ภาพใน สต็อก หรือทำการตลาดแบบเหวี่ยงแห ขณะเดียวกัน การทำโฆษณาทางโซเชียลมีเดียจะมีการแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น โดยเฉพาะบนเฟซบุ๊ค ซึ่งอยู่ในช่วงที่เรียกว่า”ยุคทอง”

       สำหรับภาคการเงิน รูปแบบธนาคารทำท่าว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดหูผิดตา เพราะคนยุคใหม่ต้องการไปแบงก์ได้ในทุกที่ทุกเวลา ทำให้มีการคาดหมายว่าดิจิทัล แบงกิ้งจะเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่โทรศัพท์จะกลายเป็นกระเป๋าตังค์ นอกจากนั้น ธนาคารสมัยใหม่ยังต้องเน้นที่ความเร็วด้วย อย่างไรก็ตาม การทำธุรกรรมธนาคารทางมือถือ ยังหมายความถึงการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้นด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวังเช่นกัน

 

     ปัญญาประดิษฐ์ และ Machine Learning (การเรียนรู้ของเครื่อง) รวมถึงบล็อคเชน จะโดดเด่นยิ่งขึ้นในปี 2561 โดย Machine Learning จะเข้ามามีบทบาทมากในงานด้านการขายและบริการลูกค้า ส่วนปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จะช่วยเหลือภาคธุรกิจได้มากในแง่ของการประมวลผลข้อมูลมหาศาลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์

ไล่ๆ กันมา คือ Internet of Things ที่ฮือฮามาพักหนึ่งและแพร่หลายมากขึ้น บริษัทที่ปรึกษาการ์เนอร์ระบุว่าในปี 2560 มีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต 8,000 ล้านชิ้น และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 20,000 ล้านชิ้นภายในปี 2563 จนอาจนำไปสู่การใช้มัลแวร์ แรนซัมแวร์ หรือการขโมยข้อมูล ซึ่งภาคอุตสาหกรรมสามารถหาทางป้องกันได้ด้วยการอัพเดทอุปกรณ์ต่างๆ

เมื่อมีเครื่องมือและเทคโนโลยีมากมายคอยอำนวยความสะดวก ก็นำไปสู่การปฏิวัติสถานที่ทำงาน เพราะพนักงานไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศและทำงานมาจากข้างนอกได้ ในสหรัฐนั้นพนักงานที่เข้าไปทำงานในออฟฟิศมีเพียง 32% ในปี 2560

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจนั้น ปี 2561 คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง ส่วนธนาคารกลางยุโรปจะค่อยๆ ลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ ด้านจีนก็จะค่อยๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ย

ในกรณีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เข้ามาปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ มากมายตามคำหาเสียง “อเมริกาเฟิร์สต์” ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสอบสวนเหล็กนำเข้า ขัดขวางการตั้งตุลาการประจำองค์การการค้าโลก และนำสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงทีพีพี แต่ทรัมป์ก็หยุดไว้แค่นี้ และยังไม่ได้ทำอีกหลายเรื่องที่ขู่ไว้ รวมถึงการถอนตัวจากข้อตกลงนาฟตา และการจัดการกับจีนซึ่งถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐต่อจีนที่มากขึ้นเป็น 43,500 ล้านดอลลาร์ อาจเป็นชนวนให้ทรัมป์ทำตามคำขู่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง บรรยากาศเศรษฐกิจปี 2561 จะเลวร้ายลงมาก

ความเสี่ยงอีกประการสำหรับเศรษฐกิจโลกปี 2561 คือฟองสบู่ ซึ่งยากจะมองเห็นจนกระทั่งใกล้แตกออกนั่นแหละ แต่คราวนี้มีสินทรัพย์หลายอย่างที่ทะยานอย่างต่อเนื่องช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งโดดเด่นที่สุดก็หนีไม่พ้น บิทคอยน์  << คลิกเพื่อทำความรู้จักกับบิทคอยน์ 

เหล่านี้ข้างต้นเป็นทิศทางที่คาดว่าจะดำเนินไปใน 2561 ซึ่งแน่นอนว่าจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิตของผู้คนเช่นกัน

 

แหล่งอ้างอิง http://money2know.com/