นามปากกา :

พนมเทียน

รางวัลที่ได้รับ :

นายฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปีพุทธศักราช 2540

 

ประวัติส่วนตัว :

     พนมเทียน เป็นนามปากกาของ นายฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 ที่บ้านตระกูลวิเศษสุวรรณภูมิ ถนนปากน้ำ ตำบลตะลุบัน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เป็นบุตรของขุนวิเศษสุวรรณภูมิ และนางสะอาด สมรสกับนางสุมิตรา วิเศษสุวรรณภูมิ(มณีรัตนาสุมิตรา เดวี) มีบุตร 5 คน คือ 

    1. นายจักรรินทร์ วิเศษสุวรรณภูมิ 
    2. นายชินวร วิเศษสุวรรณภูมิ 
    3. นางละอองดาว ปิ่นแก้ว 
    4. น.ส. สกาวเดือน วิเศษสุวรรณภูมิ (เสียชีวิต) 
    5. นายวิษณุฉัตร วิเศษสุวรรณภูมิ 

 

นามปากกาใดบ้างพนมเทียน ใช้เขียนนิยาย

รพินทร์ ใช้เขียนเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์ลี้ลับของฮินดู โดยอาศัยความรู้ทางอักษรศาสตร์บัณฑิตจากบอมเบย์ยูนิเวอร์ซิตี แปลเอกสารคัมภีร์โบราณภาษาอินเดีย อย่างตำนานกามเทพ กามสูตร ฯลฯ

ก้อง สุรกานต์ ใช้ตอบปัญหาคาใจเรื่องเพศบ้าง ศิลปะการต่อสู้บ้าง และเรื่องทั่วๆไป

ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ เป็นชื่อจริง นามสกุลจริง ใช้เขียนตำราอาวุธปืน ตอบปัญหาสารพันเรื่องเกี่ยวกับปืน

 

       พนมเทียนเริ่มอ่านหนังสือมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และเมื่ออายุ 12 ขวบต้องหนีภียจากสงครามโลกครั้งที่สองไปพักอาศัย ณ บ้านต้นตระกูลวิเศษสุวรรณภูมิ ซึ่งสะสมหนังสือไว้มากมาย ทำให้ได้เริ่มอ่านหนังสือวรรณคดีของไทย รามเกียรติ์ พระอภัยมณี ฯลฯ อ่านจนกระทั่งเกิดความอยากเขียนหนังสือของตนเองบ้าง ...เมื่ออายุได้ 16 ปีขณะเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6 โรงเรียนวัดสุทธิวนาราม พนมเทียนเริ่มเขียนนวนิยายเรื่องแรก คือ เห่าดง โดยเขียนต้นฉบับบไว้ในสมุดจดวิชาประวัติศาสตร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันเล่น ต่อมาอีกหนึ่งปีก็เริ่มเขียนนวนิยาย จุฬาตรีคูณ 

         พนมเทียนได้นำต้นฉบับนวนิยายเรื่อง จุฬาตรีคูณ ไปเสนอขายตามสำนักพิมพ์ต่าง ๆ แต่เนื่องจากเป็นนักเขียนหน้าใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก สำนักพิมพ์จึงปฎิเสธ บรรณาธิการหนังสือบางฉบับได้แนะนำให้เขียนเรื่องสั้นไปให้พิจารณา แต่เมื่อพนมเทียนเขียนเรื่องสั้นไปให้พิจารณาก็ ถูกปฎิเสธอีกครั้ง แต่ก็ไม่ทำให้เขาท้อแท้ กลับมุมานะเขียนเรื่องส่งไปยังสำนักพิมพ์อื่น ๆ อยู่สม่ำเสมอ จนวันหนึ่งพนมเทียนได้นำต้นฉบับนวนิยายเรื่อง จุฬาตรีคูณ ไปเสนอครูแก้ว อัจฉริยะกุล หรือ "แก้วฟ้า" ราชาละครวิทยุในขณะนั้น เมื่อครูแก้วได้อ่านแล้วชอบใจจึงทำเป็นละครวิทยุ ให้ครูเอื้อ สุนทรสนาน จากคณะสุนทราภรณ์ช่วยแต่งเพลงประกอบเรื่อง ทำเป็นละครวิทยุ ทำให้จุฬาตรีคูณเป็นที่รู้จักของผู้ฟังจำนวนมาก และในปี 2492 ครูแก้วได้นำนวนิยายเรื่องจุฬาตรีคูณ มาทำเป็นละครเวที แสดงที่ศาลาเฉลิมไทย โดยคณะลูกไทย ทำให้ชื่อ แก้วฟ้า-พนมเทียนมีชื่อเสียงขึ้นมา (ละครเวทีจุฬาตรีคูณ ใช้ชื่อแก้วฟ้า-พนมเทียนเพราะ แก้วฟ้านำมาทำเป็นบทละคร ส่วนพนมเทียนเป็นผู้ประพันธ์) แต่คนทั่วไปก็ยังไม่รู้จักพนมเทียนมากนักจนกระทั่งปฐพีเพลิง ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์เพลินจิตต์ ทำให้พนมเทียนเป็นที่รู้จัก ผลงานเรื่องแรกที่เขียนไว้คือเห่าดง จึงได้รับการพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์เพลินจิตต์รายวัน จากนั้นจากนั้นก็มีผลงานอื่น ๆ ตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เช่น เพลินจิตต์ เดลิเมล์ สยามสมัย นพเก้า สายฝน ศรีสยาม จักรวาล บางกอก สกุลไทย สตรีสาร ฯลฯ 

         นวนิยายของพนมเทียน ได้รับการกล่าวถึงและวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ เรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เล็บครุฑ ศิวาราตรี และเพชรพระอุมา สำหรับคำวิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็นการชมหรือการตำหนิก็ตาม พนมเทียนได้ถือว่าคำวิจารณ์ทั้งหมดคือครูที่ดีและเป็นเหมือนกระจกส่องให้เห็น จุดต่าง ๆ ในผลงานของตน และเป็นสิ่งชี้ให้เห็นว่าเจ้าของบทประพันธ์เรื่องที่ถูกวิจารณ์นั้นได้รับความสำเร็จในการเขียนหนังสือ เมื่อใดก็ตาม ที่นวนิยายไม่ได้รับการกล่าวขวัญเลยนั้น ย่อมหมายถึงงานที่ไม่แพร่หลายและไม่มีใครรู้จัก แต่สำหรับคำวิจารณ์ ที่เข้าไม่ถึงแก่นแท้ของเนื้อหา ก็แสดงให้เห็นถึงระดับภูมิปัญญาของผู้วิจารณ์แต่ละคนเอง 

         ในด้านส่วนตัวพนมเทียนชอบอ่านหนังสือ ประเภทผจญภัยที่ให้สาระความรู้และความสนุกเพลิดเพลินไปในตัว และหนังสือปรัชญาที่ตรงกับอุดมคติของตัวเอง นอกจากนั้นก็ชอบอ่านหนังสือสารคดีที่เกี่ยวกับวิชาความรู้ต่าง ๆ นักเขียนที่ชอบมากที่สุดได้แก่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ซึ่งพนมเทียนเคารพบูชาท่านมากจนถึงกับได้สร้างอนุสาวรีย์ ประทับไว้ที่บ้านพักอาศัยในปัจจุบัน) สุนทรภู่ ชิต บุรทัต ทรง สาลิตุล มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช

         พนมเทียนรักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก จึงอยากเขียนหนังสือเองบ้าง โดยเริ่มเขียนจริงจังตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมฯ ให้เพื่อนๆอ่านเป็นที่ถูกใจ แต่พอเข้าวงการเขียนจริงๆ กลับไม่ได้รับความสนใจเลย ซึ่งถ้าไม่มีความมุ่งมั่นก็อาจท้อไปเลยก็ได้

 

        กระทั่งปี 2497 นวนิยายเรื่องแรกคือ “เห่าดง” ได้รับการตีพิมพ์จนชื่อเสียงโด่งดังและมีผลงานเรื่อยๆ มีนามปากกาหลากหลาย เช่น“พนมเทียน” สำหรับนวนิยายทุกประเภท “รพินทร์” เกี่ยวกับศาสตร์ลี้ลับของฮินดู “ก้อง สุรกานต์” ตอบปัญหาทั่วๆไป “ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ” เกี่ยวกับตำราอาวุธปืน 

        นวนิยายเรื่องโด่งดังของพนมเทียนคือเรื่อง เล็บครุฑ ศิวาราตรี เพชรพระอุมา ละอองดาว สกาวเดือน รัตติกาลยอดรัก และมัจจุราชสีรุ้ง ล่าสุดเขียนเรื่องปฐพีเพลิง ให้หนังสือ โลกนวนิยาย แต่ปัจจุบันหนังสือเล่มนี้เลิกกิจการไปแล้ว 
 

      ที่มาของนามปากกา "พนมเทียน" คุณพนมเทียนเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนามปากกา "พนมเทียน" ว่า เป็นชื่อที่มีความหมายถึงเปลวเทียนยามแสงโชนสว่างได้ที่ จะเห็นเปลวเทียนเรียวขึ้นจากปลายแท่งแล้วค่อยแผ่กว้างออกก่อนจะสอบปลายแหลมให้เรียวสะบัดความสว่างขึ้นอีกครั้ง

      ชื่อนี้คุณพนมเทียนบอกว่าได้ยินมาจากศัพย์เทคนิคที่ใช้ในวิชาวิทยาศาสตร์ และมีความหมายดังกล่าว พอรู้จักคำนี้...เขาเกิดความคิดในใจ คิดไว้เลยว่า...ฉันจะเอาคำนี้ล่ะไปใช้เป็นนามปากกาคราฉันเขียนนิยาย...

       เรื่องแรกที่ใช้ชื่อ "พนมเทียน" คุณพนมเทียนได้เล่าให้ฟังในหนังสือสุนทราภรณ์รำลึกว่า

     "จุฬาตรีคูณ แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นนวนิยาย เรื่องแรกของผม หากแต่เป็นเรื่องที่สอง ทว่าถ้าจะถือเอานามปากกาพนมเทียน และงานประพันธ์ที่ออกไปสู่สาธารณชน ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นเรื่องแรกอย่างแน่นอน และจุฬาตรีคูรนี่แหละคือต้นกำเนิด ความเป็นมาของนักประพันธ์อาชีพคนหนึ่ง ที่ท่านรู้จักในนาม พนมเทียน

     ผมไม่คิดว่า ผมมีอัจฉริยะภาพอะไร ในการเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เมื่ออายุ 17 ปี ขณะเรียนอยู่ในสายอักษรศาสตร์ของสวนกุหลาบวิทยาลัย แต่ในใจว่าเท่าที่เขียนออกมาได้ในอายุเพียงแค่นั้น มีพลังวิเศษ ส่วนหนึ่งแฝงเร้นอยู่ในสมอง และชีวิตจิตใจผม และสิ่งอันสูงส่งนั้น จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังสถิตย์อยู่กลางดวงใจผมอยู่ตลอดเวลา ชี้นำแนวทาง และบางครั้งก็บังคับ (เมื่อผมรู้สึกเหนื่อยหน่ายต่อการงาน) ให้ต้องมานั่งจิ้มพิมพ์ดีดแต่งเรื่องนวนิยาย หรือตำรับตำราที่ผมรู้ผมถนัด มาจนกระทั่งทุกวันนี้