สดใส ขันติวรพงศ์ : นักแปลผู้ผูกขาดแปลงานของนักเขียนเยอรมัน "ชั้นเทพ" อย่าง เฮอร์มาน เฮสเส

สดใส ขันติวรพงศ์

สดใส ขันติวรพงศ์ นักแปลผู้ผูกขาดแปลงานของนักเขียนเยอรมัน "ชั้นเทพ" อย่าง เฮอร์มาน เฮสเส จนได้รับฉายานามว่า "ลูกสาวเฮสเส" ถึงแม้ในระยะหลังมานี้อาจจะไม่ได้เห็นผลงานแปลของเธอออกมาอีก ทั้ง ๆ ที่มีข่าวว่าได้ลาออกจากงานราชการแล้วก็ตามที แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด มาถึง ณ วันนี้ วันที่ 26 กรกฎาคม เธอพร้อมแล้วกับงานเปิดตัวผลงานแปลเล่มล่าสุด "เกมลูกแก้ว" (THE GLASS BEAD GAME) และแน่นอนยังคงหนีไม่พ้นบทประพันธ์ของเฮสเสคนเดิม…

เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งค่ะที่เธอให้ความเป็นกันเองสละเวลาคุยนอกรอบกับ www.praphansarn.com ก่อนที่งานเปิดตัวจะเริ่มขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้…

"พี่ลาออกจากราชการมาสองปีแล้วค่ะ ตามโครงการเกษียณราชการก่อนกำหนด รุ่นที่สอง กิจกรรมหลักตอนนี้คือดูแลลูกบุญธรรมสองคน น้องเต้ อายุ 6 ขวบ กับน้องลิลลี่ อายุ 8 ขวบ กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 1 กับชั้นประถมปีที่ 4 คนที่เคยเลี้ยงเด็กคงนึกออกนะคะว่า การเลี้ยงดูเด็กเล็กสองคนเป็นงานที่ต้องเอาใจใส่ และให้เวลามากแค่ไหน แค่เรื่องอาหารการกิน ดูแลเรื่องเสื้อผ้า รับ-ส่งไปโรงเรียน ดูแลตอนเด็ก ๆ ทำการบ้าน นี่ก็หมดเวลาไปเยอะแล้ว บ้านพี่เป็นครอบครัวใหญ่ นอกจากเด็ก 2 คนแล้ว ยังมีหมา 3 ตัว (เตี้ย, ตาล, ต้า) แมว 3 ตัว (แต้ม, ตุ๊ก, น้องบัวตอง) ปลาหางนกยูงหลายอ่าง และต้นไม้อีกหลายต้น พี่ก็เลยมีกิจกรรมทำทั้งวันให้อาหารปลา-หมา-แมว รดน้ำต้นไม้ ถูบ้าน ซักผ้า ฯลฯ ใครที่กลัวว่าชีวิตข้าราชการบำนาญจะเงียบเหงา มาดูงานที่บ้านพี่สักวัน แล้วจะเห็นว่าที่กลัว ๆ กันนั้นไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ถ้าชีวิตยังเคลื่อนไหวอยู่ได้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรทำ ไม่ต้องกลัวว่าชีวิตจะเปล่าว่างโหวงเหวง"

เป็นการเริ่มต้นพูดคุยกันในบรรยากาศสบาย ๆ ช่วงสาย ๆ ของวัน และนอกจากกิจกรรมหลักกับภาระในการดูแลครอบครัวใหญ่ที่ว่าแล้ว เธอก็ยังรับบทบาทเป็นผู้ช่วยแม่ครัวอีกหนึ่งตำแหน่ง ในการช่วยหลานทำอาหารสุขภาพจำหน่าย ซึ่งตอนนี้ก็ยังจำกัดเฉพาะอยู่ในวงแคบ ๆ ทำกันสบาย ๆ เท่านั้น เน้นทำอาหารพื้นบ้าน อาหารสมุนไพร

"แต่ยังไม่ถึงขั้นอาหารชีวจิตหรอกค่ะ ของเราจะทำอย่างเช่น น้ำพริกตะไคร้, น้ำพริกมะกรูด, ถั่วสมุนไพร ฯลฯ เลือกใช้เครื่องปรุงที่มีคุณภาพ ใช้ผักปลอดสารพิษ ไม่ใช้ผงชูรส ไม่ใช้สารกันบูดอะไรทำนองนี้ค่ะ"

เธอเล่าว่า "ตอนลาออกจากราชการ คิดว่าจะใช้เวลาส่วนใหญ่แปลงานวรรณกรรมนั่นล่ะค่ะ แต่เมื่อมีเหตุให้ต้องตัดสินใจอุปการะเด็ก ๆ เลยต้องปรับตัวกับชีวิตที่มีกิจกรรมใหม่ ๆ สักระยะ ตอนนี้ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เด็ก ๆ โตขึ้นช่วยตัวเองได้มากขึ้น มีหลานอีกคนมาช่วยเรื่องงานบ้าน เขาช่วยเรา เราช่วยเขา ช่วยกันดูแล คิดว่าจากนี้ไปน่าจะมีเวลาทำงานแปลได้มากขึ้น ตอนนี้มีต้นฉบับหลายเล่มอยู่ในลิ้นชักกำลังเข้าคิวรอแปลอยู่ ทุกเล่มก็กำลังขยับไปอย่างเชื่องช้าเพราะยังจัดเวลาได้ไม่เต็มที่ เวลาส่วนหนึ่งก็ยังต้องไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษอยู่เหมือนกัน

"ส่วนชีวิตที่ดำเนินอยู่ทุกวันนี้พี่มีความรู้สึกว่าเปรียบเสมือนการได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่เราได้จากการอ่านนำมาใช้ในชีวิตจริง เป็นการตกผลึกของภูมิปัญญาที่หล่อหลอมมาจากงานเขียนซึ่งกลั่นกรองมาเป็นเวลานับสิบปี จนมาถึงปัจจุบันนี้เราสามารถดึงออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อทุก ๆ คนที่แวดล้อมรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นญาติหรือเพื่อนฝูง ลูกศิษย์ลูกหา สามารถทำให้เราตอบคำถามให้กับชีวิตได้หลาย ๆ อย่าง"

ส่วนในเรื่องผลงานแปลเล่มล่าสุด "เกมลูกแก้ว" ซึ่งใช้ เวลาในการทำงานค่อนข้างนานทีเดียว เธอบอกว่า "เกมลูกแก้ว เป็นการสังเคราะห์ปัญญาของโลกทั้งตะวันตกและตะวันออกมาอยู่ในเล่มนี้ โดยผ่านตัวละคร สำหรับตัวพี่เนื่องจากพี่เคยผ่านงานต้น ๆ ของเฮสเสมามาก คือหมายความว่าผ่านวิธีคิดแต่ละขั้นตอนของเขามา จนมารวมสุดท้ายอยู่ในเล่มนี้ เพราะฉะนั้นจึงทำให้มีความชัดเจนขึ้น ถือว่ามันเป็นที่สุดของการเอาเรื่องที่ลึกซึ้ง ขุมปัญญาของโลกตะวันตกและตะวันออกมาทำให้มีชีวิตโดยผ่านตัวละครแล้วทำให้เราติดตามได้ ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นจริงกับชีวิตเรา กับสังคมเรา ทำให้เราเห็นภาพชีวิตและสังคมชัดเจนที่สุด

สำหรับตัวพี่ ที่ใช้เวลานานเพราะมันยากมากที่สุด มันต้องพูดถึงระบบอะไรต่าง ๆ ยากโดยตัวภาษา ยากโดยตัวความคิด ดังคำพูดที่ว่าอะไรที่มันลึกซึ้งก็ต้องยากอยู่เป็นธรรมดา แต่ในท่ามกลางความยากลำบากนั้น เราก็พอใจ รู้สึกเหมือนเราได้เห็นดอกไม้ที่มันสวยงามตลอดเวลา เห็นโลกที่สวยงามตลอดเวลา เห็นขุมทรัพย์ของโลกตลอดเวลาที่สามารถเอามาใช้แก้ปัญหาชีวิตของมนุษย์ในสังคมเวลานี้ มันเหนื่อยแต่ก็สบายใจ เพราะต่อไปนี้เมื่อทำเกมลูกแก้วจบแล้วก็ถือว่าพันธะหน้าที่ในการทำงานแปลมาถึงเป้าหมายปลายทางแล้ว และงานที่จะทำต่อไปอีกก็คิดว่ามันเป็นกำไร เป็นกำไรที่มีความสุขเมื่อได้ทำ และได้อ่านต่อไป ส่วนเป้าหมายปลายทางของชีวิตนี้ก็คือขอให้มีความสุขในแต่ละวันเท่านั้นก็พอแล้วค่ะ"

และเมื่อถามถึงความประทับใจในผลงานที่ผ่านมาแต่ละเล่ม เธอกล่าวว่าไม่มีเล่มใดที่จะตอบได้ว่าชอบเป็นพิเศษกว่าเล่มอื่น เพราะเธอพอใจในทุกเล่มที่ได้แปล งานทุกเล่มเปรียบเหมือนบันไดแต่ละขั้นที่ทอดไปพบแสงแห่งความสว่าง งานทุกชิ้นทำให้เกิดความคิด สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงได้ ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่กลับเข้ามาในชีวิตเราก็ว่าได้ ฉะนั้นงานทุกเล่มเปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และมีความสุขกับงานทุกเล่มที่ได้ทำ…

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ