ลิลิตดา : เมื่อรักที่จะเขียน…อย่าไปกลัวว่าจะมีคนอ่านหรือไม่

ลิลิตดา

วันนี้คอลัมน์คุยนอกรอบจะพาไปพบกับนักเขียนอีกท่านหนึ่ง ที่เข้าร่วมในโครงการชมนาด บุ๊ค ไพร์ซ ด้วยเช่นกัน แม้จะเริ่มจับปากกาเขียนนวนิยายในวัยที่ไม่น้อยแล้ว แต่อายุไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อความหลงใหลในตัวอักษรของ “ลิลิตดา” เธอยังคงเขียนด้วยความรักและความมุ่งมั่นที่จะสรรค์สร้างเรื่องราวดีๆ สู่สายตานักอ่าน และนี่คือเรื่องราวบางมุมในชีวิตที่ลิลิตดาจะมาเล่าให้พวกเราฟัง

เท้าความเรื่องราวในอดีต
“ลิลิตดา” หรือ เพ็ญวิภา โสภาภัณฑ์ เป็นคนกรุงเทพฯ เรียนชั้นประถมและมัธยมจากโรงเรียนสาธิตสวนสุนันทาและเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมพญาไทในแผนกอักษรศาสตร์ ขณะที่เรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมได้เข้าสอบชิงทุนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการเอเอฟเอส หรือ American Field Service เป็นนักเรียนทุนรุ่นแรก ที่มีผู้ได้รับทุนสิบสี่คน ได้ไปใช้ชีวิตกับครอบครัวอเมริกันและเรียนเกรดสิบสองของไฮสคูล เป็นเวลาหนึ่งปีที่เมือง Simi Valley มลรัฐ California ในระหว่างปี พ.ศ 2505-2506 และเมื่อกลับมาเรียนจบจากโรงเรียนเตรียมอุดมพญาไทแล้ว ได้เข้าเรียนและเป็นนิสิตรุ่นแรกของแผนกอิสระสื่อสารมวลชน หรือปัจจุบันคือ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบการศึกษาปี พ.ศ. 2510

เดินทางไปสหรัฐอเมริกาอีกเป็นครั้งที่สองปี พ.ศ. 2511(ค.ศ. 1968) และสมรสกับ นายวัฏฐี โสภาภัณฑ์ สร้างครอบครัวอยู่ที่ ซานฟรานซิสโก-เบย์แอเรีย มลรัฐคาลิฟอร์เนียร์ นานนับสามสิบปี สามีเป็นวิศวกร ส่วนดิฉันทำงานเป็น Manufacturing Training Specialistให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ทางการสร้างขีปนาวุธและผลิตดาวเทียม บริษัท Lockheed Missles and Space Co. ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Lockheed Martin อยู่สิบเจ็ดปี จนบุตรสาวสองคนเรียนจบมหาวิทยาลัย สามีก็ early retire เราสองคนตายายก็อพยพกลับมาอยู่กรุงเทพฯในปี พ.ศ. 2535 ( ค.ศ. 1992) ลูกสาวคนโตแต่งงานและมาอยู่ประเทศไทย ขณะที่ลูกสาวคนเล็กยังอยู่สหรัฐ

กลับมาเมืองไทยทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัท H.V. Co ซึ่งเป็นตัวแทนของ บริษัท Ariane Space ของฝรั่งเศส และรับสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้กับผู้สนใจที่บ้าน รวมทั้งสอนพนักงานบริษัทไทยพาณิชย์ธนพัทธ์ และในปี พ.ศ. 2544 บุตรสาวคนเล็กคลอดลูก ก็ได้ขอให้ดิฉันกลับไปอยู่ซานฟรานเพื่อช่วยเลี้ยงหลาน ตั้งแต่คนที่หนึ่งจนบัดนี้คุณยายมีหลานคนที่สามแล้ว ไม่ทราบว่ายายติดหลานหรือหลานติดยาย ก็เลยยังอยู่อเมริกาต่อไปอีกจนทุกวันนี้เป็นปีที่เจ็ดของการกลับมาอเมริกาครั้งที่สาม

เริ่มจับปากกา
เขียนครั้งแรกเป็นประเภทบทความและกิจกรรมสังคมในเมืองซานฟรานซิสโก ให้กับหนังสือพิมพ์ไทยแอลเอ ที่ออกในนครลอสแอนเจลลิส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 จนถึงปัจจุบัน

งานเขียนนวนิยายเรื่องแรกเกิดขึ้นเมื่อกลับไปอยู่อเมริกาหนที่สาม คือเมื่อ วันที่ 11 กันยายน2544(ค.ศ.2001)เมื่อเกิดเหตุผู้ก่อการร้ายใช้เครื่องบินบินเข้าชนตึกเวิลเทรดที่นิวยอร์ค บังเอิญได้เข้าไปอ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ของไทยตามเว็บต่างๆเห็นความคิดเห็นของคนหลายๆคน ที่ให้ความเห็นไม่เป็นธรรมกับคนอเมริกัน บางความเห็นเขาก็ว่าสะใจที่อเมริกาโดนทำร้าย ทั้งๆ ที่ผู้ที่สูญเสียชีวิตคือผู้บริสุทธิ์ ทำให้เกิดความสลดใจและต้องการบันทึกความรู้สึกของผู้คนในอเมริกาช่วงนั้นไว้ สร้างสรรค์พล็อตเรื่อง โดยนำฮีโร่ของวันเกิดเหตุ คือหน่วยกู้ภัยของอเมริกามาเป็นตัวเอก แต่ให้เขาเป็นหนุ่มไทยที่เกิดและเติบโตในอเมริกา และนำนางเอกที่ไม่เคยชอบอเมริกาเดินทางมาตามหาญาติที่ไปอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่นำพล็อตเรื่องมาเป็นที่ซานฟรานซิสโกแทน และก็เขียนแนวท่องเที่ยวเมืองซานฟรานฯและเมืองใกล้เคียงไปด้วย

นำเรื่องเสนอไปยังสำนักพิมพ์ดอกหญ้า และเขารับพิมพ์ทันที มีการเปิดตัวหนังสือให้ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เมื่อเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2545 ซึ่งเป็นความประทับใจที่ไม่มีวันลืมเลือนในชีวิต สำหรับนวนิยายเรื่องแรก

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ