ร้านเปีย (นำแสง) ความสุขของลูกค้าคือความสุขของเรา : ความสุขของลูกค้าคือความสุขของเรา

ร้านเปีย (นำแสง) ความสุขของลูกค้าคือความสุขของเรา

ร้านเปีย นำแสง

ร้านหนังสือประเภท Stand-alone หรือจะเรียกอีกอย่างเป็นร้านหนังสือที่เจ้าของร้านเปิดขายเอง อาจเป็นธุรกิจดั่งเดิมของครอบครัว หรือเปิดขึ้นมาด้วยใจชอบก็มีเยอะแยะมากมาย จนบางทีเราก็แค่มองผ่านแล้วก็เดินผ่านไปอย่างไม่สนใจอะไรหากไม่มีความตั้งใจที่จะหาหนังสือซักเล่มก็จะเข้าไปซื้ออะไร หรือบางคนอาจมองร้าน ร้านหนังสือประเภท stand-alone ว่าจะต้องขายของแพงกว่าร้านหนังสือใหญ่ๆตามห้างแน่ๆ ไปซื้อตามห้างน่าจะดีว่าเพราะมีส่วนลด

ผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านคงคิดแบบเดียวกับที่ผมคิดใช่ไหมครับ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะคิดแบบนั้น ทุกคนสามารถคิดและมีเหตุผลของตัวเองได้ครับ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ผมกำลังจะบอกกับท่านผู้อ่านว่า สำนวนไทยของเราที่มักพูดกันบ่อยๆว่า “เพชรในตม” หรือ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" นั้นมีจริงๆครับ และก็สามารถใช้กับร้านหนังสือได้ด้วย ทำไมนะหรอครับ

ความจริงแล้วลักษณะการขายของแต่ละร้านหรือองค์กรจะมีจุดขายหรือการให้บริการที่ต่างกัน หากท่านผู้อ่านต้องการ การบริการที่เป็นกันเอง หรืออยากจะต่อรองราคาหนังสือตามใจคุณ โดยไม่ต้องรอให้มีโปรโมชั่นมาลดราคากระหน่ำแหลกแล้วค่อยไปซื้อ ผมขอแนะนำร้านแบบ Stand-alone ดีกว่าครับ

และวันนี้ผมก็มีตัวอย่างร้านดีๆร้านหนึ่ง ที่อยากให้ผู้อ่านได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสบ้างจริงๆ หากท่านมีเวลาหรือผ่านไปแถวๆสนามหลวงย่านถนนดินสอ ท่านจะสังเกตเห็นร้านขายหนังสือที่มีนิตยาสารหลากหลายวางขายอยู่หน้าร้าน มีประตูเป็นกระจกใสเลื่อนเปิด-ปิด นี่แหละครับ ร้านเปีย

ร้านเปีย นำแสง

ร้านเปียที่ผมพูดถึงอยู่นี้ความจริงเป็นร้านหนังสือที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เนื่องจากเมื่อก่อนที่ร้านไม่ได้เปิดกิจการร้านหนังสือมาแต่ดั่งเดิม พี่อ้อยเจ้าของร้านซึ่งได้ให้เกียรติกับทีมงานของเรามากถึงขนาดเป็นคนให้ข้อมูลกับเราเองเลยทีเดียว พี่อ้อยกล่าวกับทางทีมงานว่า เมื่อก่อนนี้ที่ร้านเคยขายเทปเพลงและแผ่นเสียง(ถ้าสังเกตป้ายร้านดีๆจะเห็นกุญแจซอล สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเสียงเพลง) ตั้งแต่ปี 2524 และทำกิจการเรื่อยมา จนถึงช่วงหนึ่งธุรกิจเทปเพลงถูกเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าอย่างวีซีดี และดีวีดี เข้ามาเล่นงาน จนทำให้ร้านต้องเปลี่ยนแนวคิดการค้าขายเสียใหม่

ด้วยความที่พี่อ้อยเป็นคนที่ชอบหนังสืออยู่แล้ว อีกทั้งยังมองว่าหนังสือและนิตยาสาร อีกทั้งพวกการ์ตูน เป็นสื่ออีกชนิดหนึ่งที่คนทั่วไปให้ความสนใจ และสามารถขายได้ตลอด พี่อ้อยจึงเริ่มเปลี่ยนแผนธุรกิจ

กว่าห้าปีที่ร้านเปียเปิดให้บริการขายหนังสือ นิตยสาร และหนังสือการ์ตูน ให้กับลูกค้าทั้งขาประจำและขาจร ซึ่งลุกค้าของร้านก็มีหลายช่วงอายุ ซึ่งแน่นอนว่า การจัดหนังสือเข้าร้านก็ต้องมีความหลากหลายตามไปด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อสนองความต้องการของลูกค้านั้นเอง หนังสือส่วนมากที่ทางร้านเน้นขายเป็นพิเศษก็ได้แก่พวกหนังสือพิมพ์ นิตยาสาร และการ์ตูน ส่วนหนังสือเองก็มีไม่น้อยเช่นกัน มีขายหลายประเภททั้งนิยาย วรรณกรรมเยาวชน จิตวิทยา ธรรมะ การบริหาร การดูแลสุขภาพ และหนังสือประเภทอื่นๆ

แม้ว่าทางร้านจะไม่ได้จัดโปรโมชั่นอะไรมากมายนัก แต่พี่อ้อยก็บอกว่าจริงๆที่ทางร้านไม่ได้จัดโปรโมชั่นเพราะว่าปกติ ลูกค้าที่เข้ามาซื้อหนังสือในร้านจะต่อราคาเองอยู่แล้ว จะต่อมาต่อน้อยก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าจะต่อ

สำหรับความคิดเรื่องการเปิดร้านหนังสือแล้ว โดยส่วนตัวของพี่อ้อยคิดว่า เราต้องมีใจรักก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อเราชอบเราเองก็สามารถทำธุรกิจได้อย่างมีความสุข ลุกค้าที่มาซื้อของ เราก็บริการให้เขาด้วยความเป็นกันเอง เขาก็จะมีความสุขไปด้วย

สุดท้ายนี้ทีมงานคนสร้างร้านหนังสือต้องขอขอบพระคุณพี่อ้อยอีกครั้งที่สละเวลาให้ข้อมูลกับทางทีมงานของเราครับ ยังไงถ้าท่านผู้อ่านมีโอกาสผ่านไปย่านถนนดินสอก็อย่างลืมแวะเข้าไปเยี่ยมชมร้านเปียนะครับ

ติดต่อร้านเปีย 118 ถนนดินสอ แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ 086-312-3035

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ