Nikola Tesla คือ นักประดิษฐ์อัจฉริยะผู้สร้างสรรค์ ที่แหวกแนวความคิดและกฎพื้นฐานเดิมที่มีอยู่ ชื่อของ Tesla ถูกนำมาใช้ในบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง เพราะแนวคิดและสิ่งประดิษฐ์ของเขา ก้าวหน้าและก้าวไกลไปก่อนเวลาในยุคนั้นมาก แม้กระทั่งในปัจจุบันยังได้รับประโยชน์ จากแนวคิดและสิ่งประดิษฐ์ของเขาเช่นกัน มีภาพยนตร์และละครโทรทัศน์เกี่ยวกับนวนิยายวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับชีวประวัติและผลงานของ Tesla รวมทั้ง Tesla มีสิทธิบัตรในชื่อของเขา ไม่น้อยกว่า 300 รายการรอการจดทะเบียน ในตอนที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว
สมัยที่เขาเป็นนักเรียน เขาตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะอ่านหนังสือในห้องสมุดให้เยอะที่สุด เขาใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงต่อวันในการอ่านหนังสือก่อนเข้านอน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงอัจริยะขนาดนี้ ว่าแล้วลองไปเปิดเล่มโปรดของชายผู้นี้กันค่ะ
.jpg)
Adventures of Huckleberry Finn โดย Mark Twain
"การผจญภัยของฮักเกิลเบอร์รี่ ฟินน์" เป็นวรรณกรรม คลาสสิกของอเมริกันทีเนื้อหาที่อาจเรียกได้ว่าเป็นวรรณกรรมเยาวชนก็คงได้ เพราะใช้ตัวละครที่เดินเรื่องเป็นเยาวชน โดยเรื่องนี้อาจถือได้ว่าเป็นภาคต่อจาก "The Adventures of Tom Sawyer" แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องนี้แระสบความสำเร็จและมีคุณค่าทางวรรณกรรมสูงส่งยิ่งกว่าภาคแรกมากมายนัก เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ก้าวพ้นจากการเป็นวรรณกรรมเยาวชนไกลลิบ และมีความสำเร็จในตัวเองโดยไม่ต้องพิงภาคแรกต่อไป วรรณกรรมอเมริกันสมัยใหม่ทั้งหมด มาจากหนังสือของมาร์ก ทเวน เล่มที่ชื่อ ฮักเกิลเบอร์รี ฟินน์ เพียงเล่มเดียว...
.jpg)
Faust โดย Johann Wolfgang von Goethe
แต่เดิมเรื่องเฟาสท์เป็นนิทานพื้นบ้านของชาวเยอรมันที่เล่าเรื่องของด็อกเตอร์โยฮานน์ เฟาสท์ (ที่คาดว่ามีตัวตนอยู่จริงในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 ถึงต้นศตวรรษที่ 15) ที่นำชีวิตเข้าไปข้องเกี่ยวกับเมฟิสโทเฟเลสซึ่งเป็นปีศาจที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติ นิทานเรื่องเฟาสท์ถูกนำมาใช้เป็นพื้นของเรื่องเล่าต่างๆ โดยนักเขียนหลายคนรวมถึงนักเขียนชื่อก้องโลกชาวเยอรมัน โยฮานน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเธ่ ด้วย
.jpg)
The Holy Bible
The Holy Bible หรือพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์ เป็นหนังสือที่แปลเป็นภาษาต่างๆมากที่สุดในโลกประมาณ 340 ภาษาอีกด้วยศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีคนนับถือมากที่สุดและไม่ว่าจะนิกายใดก็ยึดถือพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลักสำคัญตามความเชื่อที่ว่านี่คือพระวจนะจากพระเจ้า ไบเบิลจึงมีความหมายทางจิตใจอย่างยิ่ง
.
