ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต : ความรักเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตให้สวยงามสดใส

ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต

 

                 ความรักเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตให้สวยงามสดใส วาดฝันในจิตนาการได้อย่างที่คิด แต่ความจริง  ของชีวิตที่แตกต่างบนพื้นฐานของครอบครัวที่มีความรู้สึกต่อความรักที่ต่างกัน จึงทำให้ความรักมีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง ความรักที่คลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามความคิดเปรียบเสมือนคมมีดที่ทิ่มแทงกลางใจเจ็บปวดรวดร้าว ความรักที่ไม่มีความเชื่อมั่นให้แก่กัน ย่อมนำมาถึงจุดจบที่อ้างว้าง โดดเดี่ยว เดียวดาย สิ้นหวัง เช่นเดียวกับนวนิยายเรื่องไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต ความซับซ้อนของความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ได้ถูกถ่ายทอดผ่านการกระทำ เมื่อรู้สึกรักก็ย่อมแสดงความรักออกมาให้เห็นอย่างเต็มเปี่ยม แต่ความรู้สึกทุกข์  ที่เกิดจากความรักไม่สมหวัง ไม่ปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน ย่อมทำให้เกิดความเหินห่างออกจากกันและยากที่จะลืม ตัวละครที่จะทำให้เกิดความรู้สึกได้หลากหลายอารมณ์ มีทั้งหมด 4 ตัวละครด้วยกันไม่ว่าจะเป็น ชารียา, นที, ชาลิกา และปราณ ต่างก็แสดงพฤติกรรมผ่านความรู้สึกที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจขอตัวเอง

 

                  ความรักที่เกิดจากการไม่เข้าใจกัน ต้องพรากจากกันไป ซึ่งในเรื่องไส้เดือนตาบอดในเขาวงกตนี้ ความรักอย่างหนักแน่นของตัวละครเอกของเรื่อง ชารียา เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี แต่ช่วงชีวิตในวัยเด็กไม่ได้รับความรักจากผู้เป็นแม่ ทำให้เธอเฝ้าคอยแสวงหาความรู้สึกรักแท้ ความอบอุ่นลึกๆ จากจิตใต้สำนึก ที่ขาดหายไป และความเศร้าสร้อยของเธอได้ซึมซับจากบทเพลงที่ตราตรึงในท่วงทำนองของความรักหลายบทเพลง ซึ่งจุดสำคัญของเรื่อง ตอนเธออายุสิบหกปีได้พบรักครั้งแรกและตัดสินใจหนีตามชายไป จึงเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต

 

                  ชารียาตัวละครเอกของเรื่อง มีอาชีพขายแผ่นซีดี ลักษณะนิสัยเป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์ ชอบปลูกต้นไม้ ชอบเรียนภาษาฝรั่งเศส สาเหตุที่ชอบมาจากการที่เธอได้ดูหนังฝรั่งเศสในร้านที่เธอกำลังทำงานอยู่ ชารียาได้พบรักกับนทีคบหาดูใจกันเพียงแค่หนึ่งเดือน ซึ่งความรักที่หนักแน่นลึกซึ้งของนที จึงสร้าง  ความเศร้าใจให้กับชารียาเป็นอย่างมาก ด้วยการลองใจว่าจะไปทำข่าวที่ซาราเจโว เพื่อต้องการรู้ความในใจของชารียาว่ารักนทีมากเพียงใด และสัญญาว่าจะโทรหาชารียาทุกวัน แต่สุดท้ายก็รอไปจนถึงเกือบหนึ่งอาทิตย์ เพียงเพื่อเฝ้ารอดูความคิดถึงของชารียาที่เป็นทุกข์ใจ ด้วยความร้อนใจในรัก นทีจึงแอบเฝ้ามองดูอยู่ห่าง ๆ ของความคิดถึง เมื่อเวลาผ่านไปสามอาทิตย์ นทีจึงได้กลับมาหาชารียาอีกครั้ง แต่ทว่านทีก็อดหักห้ามใจที่จะลองใจชารียาอีกไม่ได้ จึงต้องจากไปหลายเดือนให้ชารียาคอยคิดถึง เมื่อนทีได้บอกความจริงว่ามีคนรักอยู่แล้ว ชารียาต้องเจ็บปวดรวดร้าวอีกครั้ง และคิดหาวิธีฆ่าตัวตายสารพัดวิธี แต่นทีก็ยังไม่ยอมตัดใจจากชารียา

 

                  หลังจากที่ทนทุกข์กับความรักของนทีเริ่มจางลง ชารียาเกิดความรักให้กับปราณ ทั้งสองเคยเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่วัยเด็ก ปราณได้ไปหาชารียาทุกวันจันทร์ อยู่กับชารียาอย่างมีความสุข แต่ความรักที่กำลังจะเบ่งบานกับต้องผิดหวัง เมื่อนทีมาหาชารียาในขณะที่มีปราณอยู่ด้วย เพราะความหึงหวงปราณจึงบันดาลโทสะเนื่องจากไม่สามารถทนคำพูดเย้าแหย่ของนทีได้ และชารียายังรักนที ปราณต้องเจ็บปวดเพราะคิดว่าชารียาลืมนทีได้แล้ว สุดท้ายด้วยความใจร้อนของปราณจึงคิดแปรเปลี่ยนเกิดความลุ่มหลงไปรักกับชาลิกา ซึ่งเป็นพี่สาวของชารียา เมื่อชารียารู้เรื่องปราณกับพี่สาว เธอรู้สึกเศร้าใจในความรักอีกครั้ง แต่ปราณรักชารียามากกว่าจึงปรับความเข้าใจกัน แต่เหตุการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น เมื่อปราณเห็นชารียาอยู่กับนทีในห้อง ชารียารักนทีมากกว่าจึงบอกปราณให้ลืมเธอ จากนั้นชารียาตัดสินใจฆ่าตัวตายอย่างที่เธอคิดไว้ด้วยการกินยาตาย เพื่อจะได้ตายไปพร้อมกับนทีที่เธอรักมากที่สุด นทีเปลี่ยนใจ ชารียาฆ่าตัวตายก่อนนทีแต่ไม่สำเร็จ เธอฟื้นขึ้นมากลับดีใจที่ไม่เห็นนทีนอนตายอยู่กับเธอ เมื่อตั้งสติได้ชารียาต้องทนทุกข์กับความรัก ที่ยังมีให้ปราณ เธอจึงออกตามหาปราณไปทั่วทุกหนทุกแห่งเป็นเวลานานหลายปีแต่ไม่พบ เธอตัดสินใจกลับบ้าน ปราณเสียใจที่ชารียาไม่สามารถลืมนทีได้ จึงตัดใจจากชารียาแล้วออกเดินทางไปสถานที่ต่างๆ เพื่อจะลืมชารียาไม่ให้ทรมานในความรักอีก

 

                  จะเห็นได้ว่าตัวละครทั้ง 4 คน ไม่รู้จักไตร่ตรองใช้สติสัมปชัญญะให้ดีว่าความทุกข์ทั้งหมดเกิดจากความรัก ซึ่งตรงกับหลักธรรมฆราวาสธรรม 4 คือ สัจจะ ความซื่อสัตย์แก่กัน ทมะ การควบคุมจิตใจ ขันติ ความอดทนอดกลั้น จาคะ ความเสียสละ เป็นหลักธรรมของผู้ครองเรือน หากนทีเป็นคนที่รักเดียวใจเดียว   มีความซื่อสัตย์ต่อคนรัก ไม่ไขว่คว้าหาความรักจากชารียา นทีก็จะใช้ชีวิตกับคนรักอย่างมีความสุขที่พบรักก่อนชารียา เมื่อนทีไม่ยอมตัดใจจากชารียา จึงเป็นสาเหตุให้ปราณต้องพลัดพรากจากชารียาไป ปราณรักชารียาสุดหัวใจแต่เธอกับเลือกนทีทั้งๆ ที่รู้ว่านทีมีคนรักอยู่แล้ว หากชารียารู้จักควบคุมจิตใจของตัวเองยอมตัดใจจากนทีแล้วเลือกปราณตั้งแต่ตอนแรก เธอก็คงอยู่กับปราณอย่างมีความสุขไม่ต้องผิดหวัง เสียใจ ร้องไห้ ทรมานในความรักอีก และปราณคนที่ทำให้ชารียาเสียใจไม่แพ้นที หากปราณมีความซื่อสัตย์กับชารียาไม่ไปรักกับชาลีกา เรื่องราวความรักที่อัดอั้นตันใจก็คงไม่เกิดขึ้น แต่ชารียาก็กับทำร้ายจิตใจของปราณเช่นกัน จึงทำให้ปราณไม่เชื่อมั่นในรักของเธอ ปราณตัดสินใจเร็วเกินไปที่จะปรับความเข้าใจได้ทัน จึงตกอยู่ในห้วงกามารมณ์จากพี่สาวของเธอที่มีใบหน้าสะสวย ถึงแม้คนที่ผิดที่สุดคือนที ถ้าชารียามีความรักที่มั่นคงให้แก่ปราณไม่หวั่นไหวต่อคำพูดของนที ชารียาก็คงไม่ต้องเป็นทุกข์ใจอีก แต่กลับเลือกทางที่ผิด เพราะชารียายังอาลัยอาวรณ์ต่อนที ความรักที่สวยงามยังมีให้เห็นอยู่มากมาย หากเราเข้าใจความทุกข์ รู้จักปล่อยวางไม่ดิ้นรนแสวงหาความรักมากเกินไป มีความรักเดียวใจเดียวให้แก่กัน รู้จักนำหลักธรรมไปใช้ในชีวิตประจำวันก็จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น

 

                   จากนวนิยายเรื่องไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต ทำให้เราได้เข้าใจชีวิตและได้ข้อคิดในเรื่องของความรัก หากเรารู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ปล่อยให้ความเศร้าจากความรักครอบงำจิตใจ มีความศรัทธาในรัก ความรักก็จะดำเนินไปอย่างสวยงาม ถ้าเราแสวงหาความรักไม่จบสิ้น ไม่มีความซื่อสัตย์ ความอดทน การควบคุมจิตใจ ความเสียสละ ชีวิตก็จะไม่มีทางพบความสุขที่แท้จริง นวนิยายเรื่องนี้ให้คุณค่าแก่ผู้อ่านได้เป็นอย่างดี หากใครได้ลองอ่านจะเข้าใจถึงความรักที่ลึกซึ้ง ความรันทดจากความรัก เพื่อเป็นบทเรียนสอนใจเรา

 

บทวิจารณ์โดย นายโชคชัย ทศกรณ์

Writer

The Reader by Praphansarn